IELTS  ตีเเตก
  • Home
  • Testimonials
  • Daily Tips
  • Tips (Videos)
  • ตีเเตก Courses
  • บริการ SOP for Top U
  • เกี่ยวกับผู้สอน
  • Classes
    • The Ultimate IELTS Writing
    • Accelerated IELTS Reading 7.5+
    • The Ultimate IELTS Speaking
    • Accelerated IELTS Listening 7.5+
    • Advanced IELTS 7.5+
    • IELTS Expert 7.5+
    • Business Writing
  • Home
  • Testimonials
  • Daily Tips
  • Tips (Videos)
  • ตีเเตก Courses
  • บริการ SOP for Top U
  • เกี่ยวกับผู้สอน
  • Classes
    • The Ultimate IELTS Writing
    • Accelerated IELTS Reading 7.5+
    • The Ultimate IELTS Speaking
    • Accelerated IELTS Listening 7.5+
    • Advanced IELTS 7.5+
    • IELTS Expert 7.5+
    • Business Writing
IELTS  ตีเเตก

ตัวอย่างของการเขียน Line Graph ของนักเรียนคอร์ส the ultimate writing

3/7/2016

0 Comments

 
Picture

วันก่อนได้มีการเเชร์งานเขียนโจทย์ Bar Chart ของน้องนักเรียนไปแล้ว วันนี้จะเอาตัวอย่างของการเขียนแบบ Line Graph มาให้ดูครับ ว่างานเขียนที่ดีควรจะเป็นอย่างไร งานเขียนชิ้นนี้ทำได้ค่อนข้างดีในทั้งส่วนของ Language เเละ Content


สำหรับส่วน Language นั้นเป็นเพราะมีการใช้ Structure ที่เเตกต่างกันในการเขียน เช่น

1.The number of Japan remained constant at approximately 3.8% until 1995
2.There was a gradual fall in the US unemployment rate from 6% in 1994 to about 5.1% in 1999
3.The rate in the US went down gradually from 7% to just 6% during the same period.

สังเกตว่าผู้เขียนใช้ 3 รูปแบบการเขียนในการสื่อสิ่งๆเดียวกัน มากไปกว่านั้นมีการใช้ Vocabulary ที่เหมาะสมเเละหลากหลาย ในส่วนของ Grammar ก็มีการใช้ Past Tense ซึ่งถูกต้องสำหรับโจทย์ข้อนี้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่อธิบายว่าทำไมบางคนเขียน Content(Task Fulfillment) ถูกเเต่ได้คะเเนนไม่เกิน 5.5 ในพาร์ท Writing

สำหรับ Task Fulfillment นั้น มีการเปรียบเทียบข้อมูลของเเต่ละกราฟในระหว่างการเขียน เเละมีการพูดถึงจุดสำคัญๆของเเต่ละกราฟ
ทำให้งานเขียนชิ้นนี้สามารถทำคะเเนนได้ Band 7.0-7.5 สำหรับ Task 1 อย่างไม่มีปัญหาครับ อธิบายมาขนาดนี้ เรามาดูงานเขียนจริงของน้องดีกว่าครับ

โจทย์: THE GRAPH SHOWS THE UNEMPLOYMENT RATES IN THE US AND JAPAN BETWEEN MARCH 1993 AND MARCH 1999.
​

The line graph illustrates the rates of unemployment in both US and Japan over a seven-year period from 1993 to 1999. Looking more closely at the trend for the line graph, it can be seen that an upward and a downward trend are observed for Japan’s rates and US’ respectively.

According to the rate for Japan, the figure increased gradually from 2.5% to about 3.8% between 1993 and 1994. However, the rate in the US went down gradually from 7% to just 6% during the same period. Moreover, the number of Japan remained constant at approximately 3.8% until 1995. Rate of unemployment in Japan then depicted a gradual rise to 5% in 1995. Meanwhile, there was a gradual fall in the US unemployment rate from 6% in 1994 to about 5.1% in 1999 and these numbers intercepted with the rate in Japan.
​

In conclusion, it was noticeable that both the US and Japan unemployment rates came closer gradually over a period and eventually the rates for both countries are nearly at the same level in the year 1999.(179 words)
0 Comments

ตัวอย่างงานเขียนของนักเรียนคอร์ส The ultimate writing ครับ

3/5/2016

0 Comments

 
Picture
วันนี้จะเอาตัวอย่างงานเขียนของนักเรียนท่านหนึ่งมาให้ดูกันครับ
น้องคนนี้มีพื้นฐานภาษาอังกฤษระดับกลางๆ เเต่ความตั้งใจเเละความมุ่งมั่นต้องบอกว่าระดับสูงเลยครับ
เราลองมาดูงานเขียนของน้องเลยดีกว่าครับ

โจทย์ : The chart below shows the total number of minutes (in billions) of telephone calls in the UK, divided into three categories, from 1995-2002.

The bar chart illustrates the total figures for minutes of telephone calls in the United Kingdom, distinguished into three different types over an 8-year period between 1995 and 2002. Looking more closely at the trend for the charts, it can be seen that an upward trend is observed for all charts, while a fluctuating trend is seen for the bar chart for the total minutes of local call.

According to the chart, local call was the most popular among British people over the whole period. There was a fluctuation at around 70 billion minutes from 1995 to 2002. In addition, national and international call maintained a middle position. The figures revealed a gradual increase from about 39 billion minutes to nearly 60 billion minutes between 1995 and 2002. Moreover, British people used mobile phones the least in 1995. Nonetheless, the minutes spent on mobiles depicted a dramatic growth by almost 30 billion minutes from 1995 to 2002, representing the biggest change of all call types.

In conclusion, mobile phone calls were the least popular, whereas the local calls were made the most among Britain people.
​

ลองเอาไปดูเป็นไอเดียในการเตรียมตัวสอบครับ ถ้าเขียนได้เเบบนี้ เอา BAND 7.5 ของ Task 1 ไปเลยครับ
0 Comments

IELTS WRIITNG TASK 1 :Paraphrase Introduction 

3/4/2016

0 Comments

 
วันนี้มาดูเรื่องของการ Paraphrase Introduction ของ Writing Task 1...

การ Paraphrase คือการใช้คำศัพท์ใหม่หรือรูปประโยคใหม่ ในการสื่อสารข้อความในประโยคเดิม ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญมากในการสอบ Writing ทั้ง Task 1 เเละ 2 เเต่วันนี้จะขอโฟกัสที่ Task 1 เป็นหลักก่อน

ตัวอย่างการ Paraphrase
โจทย์: The graph below shows the proportion of the population aged 65 and over between 1940 and 2040 in three different countries.

Paraphrasing:
1.The graph below shows--> The graph below demonstrates
2.the proportion of the population--> the percentage of people
3.aged 65 and over--> aged 65 or higher
4.between 1940 and 2040--> from 1640 to 2040 over a period of 100 years
5.in three different countries--> in various countries

สิ่งที่ได้คือ The graph below shows the proportion of the population aged 65 and over between 1940 and 2040 in three different countries.
Paraphrase ---> The graph below demonstrates the percentage of people aged 65 or higher from 1640 to 2040 over a period of 100 years in various countries.
​

เราสามารถ Paraphrase ได้หลายเเบบ เเต่ที่สำคัญคือ ความถูกต้องเเละความรวดเร็วในการ Paraphrase (ไม่ควรเกิน 30 วินาทีถึง 1 นาที) เพราะการ Paraphrase โจทย์ เป็นเพียงเเค่จุดเริ่มต้นของ Task 1 เรายังต้องเขียน Overall trends, Details, and Conclusion ซึ่งจะใช้เวลารวมกันไม่เกิน 12-15 นาที่
สุดท้ายอยากฝากไว้ว่า "Practice makes Perfect" ถ้าหากเราฝึกฝนทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากพอ อย่างถูกต้อง เราจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในสิ่งนั้นๆ ไม่เว้นเเม้เเต่การสอบ IELTS!!!
0 Comments

ทำไมมหาลัยหลายเเห่งถึงไม่ยอมรับคะเเนนรวม 5.5 เเต่กลับต้องการคะเเนนรวม 6+ 

3/3/2016

0 Comments

 
Picture
วันนี้จะมาเเชร์มุมมองของผู้สอนเกี่ยวกับ IELTS ครับ
เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า นักเรียนหลายคนคงคิดว่า ทำไมมหาลัยหลายเเห่งถึงไม่ยอมรับคะเเนนรวม 5.5 เเต่กลับต้องการคะเเนนรวม 6+ เพราะคะเเนนรวม 5.5 เป็นเพียงเเค่คะเเนนเฉลี่ยของการสอบปกติเท่านั้น ดังนั้นมหาลัยที่มีอันดับสูงๆจึงต้องการคะเเนน 6 ขึ้นไป เพื่อสามารถมั่นใจได้ว่า นักเรียนมีความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีเพียงพอที่จะเรียนวิชาต่างๆในมหาลัย ซึ่งจะถูกสอนโดยใช้ภาษาอังกฤษเเบบวิชาการ ไม่ใช่การสื่อสารเบื้องต้น
เเต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเเม้เเต่น้อย ! ถ้าเรามีการเตรียมตัวที่ดีเเละความตั้งใจที่มากพอ เพราะจากประสบการณ์การสอนที่ผ่านมา นักเรียนที่มีคะเเนน 4-4.5 ก่อนเรียน สามารถทำคะเเนนได้ 5.5 หลังเรียน ส่วนนักเรียนที่คะเเนนก่อนเรียน 5-5.5 สามารถทำคะเเนนได้ถึง 6-6.5 ในระยะเวลา 1-2 เดือนเท่านั้น
โดยส่วนตัวจะใช้ 3 หลักการง่ายๆ ในการประเมินคะเเนนนักเรียนว่าจะได้ประมาณเท่าไหร่หลังจากเรียนจบ
1.พื้นฐานภาษาอังกฤษ (คะเเนนจากการสอบจริงครั้งก่อนหรือคะเเนนที่ได้จากการทดสอบก่อนเรียน)
2.เวลาในการเตรียมตัวก่อนจะต้องไปสอบจริง (คนที่มีเวลาเตรียมตัว 2 เดือนย่อมมีเเนวโน้มที่จะทำคะเเนนได้มากกว่า คนที่มีเวลาเตรียมตัวเพียง 1 เดือน หากทั้งสองคนมีพื้นฐานเเละความสามารถใกล้เคียงกัน)
3.ความตั้งใจ (อันนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญมาก เพราะต่อให้นักเรียน มีพื้นฐานเเละเวลาในการเตรียมตัวมาก เเต่ขาดความตั้งใจ ก็ไม่สามารถทำคะเเนนที่ดีได้)
สุดท้ายสิ่งที่อยากฝากไว้ก็คือ ขอให้นักเรียนทุกคนตั้งใจกับการเตรียมตัวสอบให้เต็มที่ เพราะการสอบได้คะเเนน Ielts สูงๆย่อมหมายถึงโอกาสในการเข้าเรียนมหาลัยอันดับต้นๆหลายเเห่ง เเละนั่นหมายถึงโอกาสการเข้าถึงเเหล่งความรู้ระดับโลกจากมหาลัยชั้นนำ เเละโอกาสเข้าทำงานบริษัทชั้นนำต่างๆ หลังเรียนจบ
To sum up, "Keep Clam and Pass Ielts". We can do it!!!

0 Comments

ทริคการทำ IELTS Writing Task 1 ให้ได้ 7.0+

3/2/2016

0 Comments

 
Picture
Picture
วันนี้มาต่อกันกับ IELTS Writing Task 1: ครับ

ในการเขียน Task 1 ปกติเราไม่ควรใช้เวลาเกิน 20 นาที เเต่ถ้าจะให้ดี เเนะนำให้ใช้เเค่ 12-15 นาที จากประสบการณ์ในการสอนที่ผ่านมาในช่วงหลายปี นักเรียนที่ทำคะเเนนได้ 6.5+ สำหรับ Part Writing กว่า 90% จะใช้เวลาในการทำเเค่ 12-15 นาที เหตุผลหลักๆก็เป็นเพราะ

1.คะเเนน Task 1 น้อยกว่า Task 2 ถึง 2 เท่า
2.Task 1 นั้นง่ายกว่า Task 2 พอสมควร

ดังนั้นถ้าเราเตรียมตัวมาดีพอ ควรใช้เวลาอย่างมากเเค่ 15 นาที สำหรับ Task 1 ผมมักบอกนักเรียนเสมอๆว่า Task 1 เป็นเหมือนการวอร์มอัพ ถ้าเปรียบเป็นการเเข่งขันวิ่ง Task 1 ก็คือการยืดเส้นยืดสาย เตรียมพร้อมสำหรับการแข่งวิ่ง Task 2 ต่างหากคือการแข่งวิ่งที่เเท้จริง
ส่วนหัวใจในการทำ Task 1 ให้ได้คะเเนน 6.5+ ประกอบไปด้วย

การเขียน 5 Paragraphs
1. Introduction ---> Paraphrase The Question
2. Overview ---> Overall Trend
3 & 4 Details ---> Select Key Infomation, Include numbers and Make Comparisons

5. Conclusion

ปล. Writing เป็น Part ที่ยากที่สุดของการสอบ Ielts (โดยเฉลี่ยคนไทยส่วนใหญ่ได้คะเเนนราว 4.5-5.5 สำหรับ Part Writing) สังเกตได้จากคะเเนน Overall ที่สูงๆ กว่า 99.9% คะเเนน Part Writing จะต่ำที่สุด โดยจะได้ Part Listening เเละ Reading สูงๆ เพราะเป็นพาร์ทที่ทำคะเเนนได้ค่อนข้างง่าย
การที่จะทำคะเเนน Part Writing ให้ได้สูงๆ ต้องอาศัยการฝึกฝนเเละผู้สอนหรือโค้ชที่เข้าใจข้อสอบ Ielts Writing อย่างเเท้จริง เหมือน Usain Bolt นักวิ่งแชมป์โลก ที่สร้างสถิติโลกมานับไม่ถ้วน เพราะการเตรียมตัวที่ยอดเยี่ยมเเละพรสวรรค์อันสุดยอด
0 Comments

การให้คะเเนน Part Writing  (Task 1 & 2)

3/1/2016

0 Comments

 
Picture
Picture
วันนี้จะมาอธิบายการให้คะเเนน Part Writing ทั้ง (Task 1 & 2) ซึ่งจะสามารถทำให้เราโฟกัสการเขียนได้อย่างถูกต้องเเละสามารถทำคะเเนนได้สูงๆครับ
ที่อยากอธิบายเรื่องนี้ เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมามีนักเรียนหลายคนทำคะเเนนทุกพาร์ทได้สูงอย่างที่ต้องการเเล้ว ติดเเค่ Part Writing เเต่พอได้มาดูงานเขียนของนักเรียนเหล่านั้นเลยเข้าใจว่าทำไม

IELTS Writing เป็นอะไรที่ต้องใช้ความเข้าใจในการเขียนจึงสามารถทำคะเเนนสูงๆได้ ต่างจากพาร์ทอื่นๆที่ใช้เเค่เวลาเเละการฝึกฝนเป็นหลักครับ
กลับมาที่สาเหตุของการได้คะเเนนใน Part Writing น้อยกว่าพาร์ทอื่นๆ เพราะถ้าเราใช้วิธีการเขียนตอบคำถามเหมือนเดิม ต่อให้เราไปสอบอีกกี่ครั้งคะเเนนก็จะเเค่ +/-0.5 BAND ถึงเเม้พาร์ทอื่นๆจะได้คะเเนนสูงขึ้นเรื่อยๆก็ตาม นั่นเป็นเพราะการตรวจ Writing นั้นมีมาตรฐานการให้คะเเนนที่ค่อนข้างชัดมากๆ เลยทำให้ต้องอาศัยความเข้าใจที่เเท้จริงในการทำคะเเนนสูงๆ ไม่สามารถอาศัยโชคชะตาหรือปัจจัยอื่นๆได้

การให้คะแนนจะถูกเเบ่งเป็นสองส่วนหลักๆ คือ

1. คะแนนจาก Content Part (ทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับเนื้อหาทั้งหมด)
* Task Fulfilment (เราอธิบายสิ่งที่ควรจะอธิบายหรือไม่ เขียน main points ครบมั้ย)
* Coherence & Cohesion (เนื้อหาครบถ้วนเเละสอดคล้องกันหรือไม่)

2. คะเเนนจาก Language Part (ทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับภาษาทั้งหมด)
* Lexical Resource (มีการใช้ Vocab ที่หลากหลายเเละเหมาะสมหรือไม่)
* Grammatical Range and Accuracy (มีความหลากหลายของ Sentence Structure หรือไม่ มีerrors เยอะเเค่ไหน Spelling ถูกต้องมั้ย ฯลฯ)
​

มากไปกว่านั้น Task 2 จะมีน้ำหนักคะเเนนมากกว่า Task 1 ถึง 2 เท่า
ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องทำทั้งสองTask อย่างดีที่สุด เพื่อที่จะได้คะเเนนตามที่ต้องการครับ
0 Comments

    Archives

    January 2023
    January 2022
    August 2021
    July 2021
    June 2021
    May 2021
    April 2021
    March 2021
    January 2021
    November 2020
    October 2020
    September 2020
    August 2020
    April 2020
    March 2020
    February 2020
    January 2020
    November 2019
    October 2019
    August 2019
    June 2019
    May 2019
    April 2019
    March 2019
    February 2019
    January 2019
    December 2018
    November 2018
    October 2018
    September 2018
    August 2018
    July 2018
    June 2018
    May 2018
    April 2018
    March 2018
    February 2018
    January 2018
    December 2017
    November 2017
    October 2017
    September 2017
    August 2017
    July 2017
    June 2017
    May 2017
    April 2017
    March 2017
    February 2017
    January 2017
    December 2016
    November 2016
    October 2016
    September 2016
    August 2016
    April 2016
    March 2016
    February 2016
    June 2015
    May 2015
    April 2015
    October 2014
    September 2014
    August 2014

    Categories

    All
    INSPIRATION
    LISTENING
    READING
    SPEAKING
    WRITING


ติดต่อขอคำปรึกษาเรื่องการสอบ IELTS หรือ สอบถามคอร์สเรียน

Hours

M-S: 9am - 7pm

Telephone

061 194 4677

line id 

 @ieltsteetak (มี @ ด้วยนะครับ)